ภาวะสุขภาพจิต ที่คุณไม่ควรละเลย
24 พ.ค. 2023 04:36 น.

ภาวะสุขภาพจิต ที่คุณไม่ควรละเลย

ในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยี ล้วนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลถึงสุขภาพจิตของคนในประเทศเช่นกัน สุขภาพจิตเป็นสภาวะทางจิตใจของบุคคล ซึ่งภาวะทางจิตใจมีการปรับเปลี่ยนตามสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว นับเป็นเรื่องยากที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ประเทศไทยเองก็มีจำนวนผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตไม่น้อยเลยทีเดียว จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต ปี 2564 พบว่า จำนวนผู้ป่วยทางจิตเวชในไทย เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จาก 1.3 ล้านคนในปี 2558 เป็น 2.3 ล้านคน ในปี 2564 นี่ยังไม่รวม ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า อีกราว 1.35 ล้านคน ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในรอบสิบปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่เพิ่มขึ้นเกิดจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 (ข้อมูลจาก the matter, 2022)

โรคจิตเวชที่พบบ่อย 3 อันดับแรกจนถึงปี 2564 ประกอบไปด้วย

โรคจิตเภท 

กลุ่มอาการของโรคที่มีความผิดปกติของความคิด ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดและการรับรู้ไม่ตรงกับความเป็นจริง ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การดูแลตัวเอง การใช้ชีวิตในสังคม สามารถพบได้ร้อยละ 1% ของประชากร โดยมักมีอาการดังนี้

  1. ความคิดไม่ตรงกับความจริง  เช่น คิดว่าจะมีคนมาทำร้ายหรือคิดว่าตนเองมีพลังพิเศษ

  2. การรับรู้ อาการประสาทหลอนทางด้านต่าง ๆ เช่น หูแว่ว ได้ยินเสียงคนพูดว่า หรือให้ทำตาม

  3. การสื่อสาร ไม่ปะติดปะต่อ เปลี่ยนเรื่องพูดเร็ว ไม่เชื่อมโยง หรือบางรายพูดน้อย ไม่ค่อยตอบคำถาม

  4. พฤติกรรมผิดไปจากที่เคยเป็น เช่น  สกปรก แปลก วุ่นวาย ตะโกน โดยไม่มีอะไรกระตุ้น บางรายจะมีอาการเฉื่อยชา เก็บตัว ไม่สนุกสนาน

  5. การแสดงอารมณ์ลดลงมาก หน้าตาเฉยเมย ไม่สบตา


โรควิตกกังวล

สภาวะทางอารมณ์ที่บุคคลรู้สึกกังวล กระวนกระวายใจ เครียด รู้สึกว้าเหว่ มีความคิดเกี่ยวกับความตาย รวมถึงมีอาการนอนไม่หลับ และอาการชาหรือเจ็บแปลบตามร่างกายในชีวิต ความวิตกกังวลสามารถเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบโดยตรงเช่น เปลี่ยนแปลวจากเด็กสู่วัยรุ่น เลี่ยนแปลงด้านออร์โมนส์ อาการเจ็บป่วยทางร่างกาย หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เป็นต้น โดยมีกอาการดังนี้

  1. มักจะรู้สึกว่าอยู่ในภาวะตึงเครียด อึดอัด หงุดหงิด กระวนกระวาย อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย รู้สึกว่าตนเองไร้คุณค่า ตำหนิตนเองและผู้อื่น คิดกลับไปกลับมา เป็นต้น

  2. มีอาการนอนหลับยาก พักผ่อนไม่เพียงพอ มีปัญหาการตื่นขึ้นกลางดึกและไม่สามารถนอนหลับได้อีก ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า

  3. มีความหมกมุ่น ฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิ ลืมง่าย สับสน ความสามารถในการตัดสินใจลดลง ระดับการรับรู้ลดลง 

  4. มีอาการโกรธง่าย ฉุนเฉียวกับเรื่องเล็กน้อย และไม่มีสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้


  1. มีพฤติกรรมทั้งทางคำพูดและท่าทางที่เปลี่ยนไป เช่น หน้านิ่ว คิ้วขมวด กระสับกระส่าย กำมือแน่น พูดเร็ว พูดเรื่องซ้ำเดิม ใจลอย เคลื่อนไหวโดยไม่มีจุดหมาย และมีการหลีกเลี่ยงบุคคลหรือสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความกังวล


โรคซึมเศร้า

เป็นอาการผิดปกติของอารมณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งด้านความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม มีความรู้สึกเฉยชา ไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ ส่งผลต่อความสามารถในการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งก่อให้เกิดอาการทางจิตได้มากมาย การดำเนินชีวิตตามปกติอาจทำได้อย่างยากลำบากหรือรู้สึกว่าชีวิตไม่มีค่า โดยส่วนมากจะมีอาการดังนี้

  1. รู้สึกเศร้า ว่างเปล่า อยากร้องไห้ สิ้นหวัง

  2. รู้สึกโกรธ หงุดหงิด รำคาญเรื่องเล็กน้อย

  3. หมดความสนใจ หรือรู้สึกไม่สนุกกับกิจกรรมทั้งหมดในชีวิตประจำวัน

  4. มีปัญหาด้านการนอนหลับ เช่น นอนมากเกินไป หรือ นอนไม่หลับ 

  5. รู้สึกไร้ค่า รู้สึกผิด หมกหมุ่นเรื่องความล้มเหลวที่ผ่านมาแล้วหรือโทษตัวเอง

  6. ขาดสมาธิ มีปัญหาเรื่องความจำ หรือไม่สามารถคิดหรือตัดสินใจเองได้

  7. คิดถึงเรื่องความตาย การพยายามฆ่าตัวตายบ่อย ๆ


ทั้ง 3 โรคนี้สามารถพบได้บ่อยทั้งในวัยเรียนและวัยทำงาน ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตแบบนี้ควรพบแพทย์เพื่อทำการปรึกษา โดยแนวทางการรักษาสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือการบำบัดโดยการใช้ยาและไม่ใช้ยา การใช้ยาจะช่วยเข้าไปปรับสารเคมีในสมองให้มีคนสมดุลมากขึ้น ส่วนการรักษาโดยไม่ใช้ยาจะดูแลในเรื่องของความเครียดที่ไปกระตุ้นให้เกิดโรค หรือรักษาอาการป่วยทางร่างกายที่ทำให้เกิดโรคทางจิตเวช

ดังนั้นเรื่องของสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป หวังว่าบทความนี้จะเป็นกระบอกเสียงหนึ่งที่ช่วยให้ทุกคนหันมาสนใจสุขภาพจิตของตนเองมากขึ้น

แหล่งที่มาอ้างอิง

logo
callmailfb
Copyright © 2023 FitUP Sport Technology Co., Ltd.. All Rights Rereved